บทที่ 6 : ความเสมอภาคของสภาพแวดล้อมทางการศึกษา
การยัดเยียดเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้กับสถานศึกษาในทันทีโดยไม่คำนึงถึงความพร้อมของสถานศึกษา บุคลากร และโครงสร้างพื้นฐานจึงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม การสร้างวัฒนธรรมทางการศึกษาแบบใหม่นี้จำเป็นต้องอาศัยเวลาเพื่อให้ทั้งสถานศึกษาบุคลากร และนักเรียนได้มีโอกาสปรับตัวอย่างช้า ๆ ซึ่งผู้วางนโยบายของรัฐจำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้
การจัดโครงการการศึกษานอกเวลาสำหรับเยาวชนและบุคคลทั่วไป ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยดึงดูดให้เยาวชนทีเ่กิดความเบื่อหน่ายได้เข้ามามีส่วนรวม และสามารถพัฒนาศักยภาพของตนได้
รัฐบาลฟินแลนด์ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อการฝึกอบรมครูซึ่งมีงบประมาณรวม 2.5 ล้านยูโรต่อปี เพื่อฝึกอบรมครูทั่วประเทศนอกเหนือจากการอบรมที่แต่ละสถานศึกษาได้จัดให้มีขึ้นอยู่แล้ว
ควรปลูกฝังค่านิยมที่ว่า "คนทุกชนชั้นล้วนมีศักยภาพในการเรียนรู้และมีเกียรติศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน"
ความเสมอภาคทางการศึกษามีการโต้เถียงกันอยู่ใน 2 ประเด็นหลักได้แก่
- ประเด็นของ "ความเสมอภาคของทรัพยากร" ซึ่งเกี่ยวกับการสรรหาวิธีที่เหมาะสมในการจัดสรรเงินภาษีเพื่อใช้สนับสนุนการศึกษาในแต่ละส่วนของประเทศอย่างเหมาะสม
- ประเด็นของ "ความพอเพียงของการศึกษา" ซึ่งเกี่ยวกับการพิจารณาความสมดุล ระหว่างวัตถุดิบทางการศึกษา (เช่น ครูอาจารย์, อุปกรณ์, หลักสูตร ฯลฯ) กับผลผลิตทางการศึกษา (เช่น ผลการเรียนของนักเรียน) ซึ่งผลการพิจารณานี้จะถูกนำไปใช้ประกอบการพิจารณาคดีความที่มีการฟ้องร้องภาครัฐเกี่ยวกับความไม่เพียงพอของระบบการศึกษาในปัจจุบัน
การตัดสินใจขยายเวลาทำการของโรงเรียน เพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชนและบุคคลภายนอกสามารถเข้ามาใช้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศภายในสถานศึกษาได้ ซึ่งจะช่วยให้ระบบการศึกษาในโรงเรียนและนอกโรงเรียนมีความเกี่ยวเนื่องกันมากยิ่งขึ้น
ปัจจัยความไม่แน่นอนหลายประการ อาทิ การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ความไม่แน่นอนด้านงบประมาณ และการให้ความสำคัญต่อการปฏิรูปการศึกษา การเปลี่ยนแปลงโครงการ และนโยบายทางการศึกษาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้การพัฒนาที่ได้ดำเนินการมายังไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร
กรณีศึกษาประเทศเยอรมนี
กรณีของประเทศเยอรมนีซึ่งมีอัตราการว่างงานที่ต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่ม OECD คือ การที่รัฐวางนโยบายให้เยาวชนได้เริ่มทำงานตั้งแต่อยู่ในวัยเรียน และส่งเสริมให้พวกเขาได้รับการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง
ปรัชญาการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของเยอรมัน ซึ่งตั้งอยู่บนหลัก 3 ประการ คือ โครงข่ายพื้นฐาน ความสามารถของบุคลากร และเนื้อหา
กรณีประเทศฟินแลนด์
- ส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยสร้างความสัมพันธ์ของการเรียนรู้ผ่านสถานศึกษาหลากหลายรูปแบบ อาทิ โรงเรียน ห้องสมุด บ้าน ที่ทำงาน เป็นต้น
- ส่งเสริมให้เกิดการจัดเตรียมสถานศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตอีกด้วย โดยลบล้างค่านิยมเก่า ๆ ที่การศึกษาจะสามารถได้รับจากการเรียนในสถานศึกษาตามหลักสูตรมาตรฐานเท่านั้น
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองต่อการเรียนของเยาวชนก็ถือเป็นกลไกสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้
- ขยายโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยี และการฝึกอบรมทักษะผ่านโครงการการศึกษานอกโรงเรียน
- ส่งเสริมการฝึกงานของเยาวชนในวัยเรียนก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นเดียวกัน
นโยบายการพัฒนาที่จำเป็น
- ความร่วมมือในการพัฒนาระหว่างภาครัฐและเอกชนถือเป็นสิ่งที่มีคามสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะทำให้การพัฒนาสามารถเกิดขึ้นได้ในวงกว้าง
- การจัดให้มีแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพสังคมที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม ถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถละเลยได้
- เงินทุนสนับสนุนที่เพียงพอและต่อเนื่องในระดับประเทศเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้การพัฒนาสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
- ทักษะและความชำนาญของบุคลากรที่เกี่ยวข้องถือเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้การพัฒนาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทที่ 7 : หนุ่มสาวยุคไร้สาย ความกระปรี้กระเปร่าของโลกอินเตอร์เน็ต
่ความรู้ทางดิจิตอลนั้นควรได้รับการยอมรับว่า เป็นความรู้พื้นฐานอีกอย่างหนึ่งเทียบเท่ากับความรู้ในด้านการใช้ภาษาและคณิตศาสตร์ นอกจากนี้สังคมยังควรตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของเทคโนโลยีดังกล่าวที่จะช่วยสนับสนุนค่านิยมในการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมไปถึงการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและประชาธิปไตย
การปฏิสัมพันธ์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตนี้จะประสบผลสำเร็จได้ ยังมีสิ่งที่ต้องพิจารณาอีกหลายประการด้วยกันคือ
- การให้ความสำคัญต่อการให้ข้อมูลและการรับข้อมูล ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่ในระบบออนไลน์มักจะมีความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นของตนในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเมือง แต่มักไม่ยอมเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นที่แตกต่างออกไป ในขณะที่การแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของตนถือเป็นส่ิงสำคัญ เยาวชนก็จำเป็นต้องรับฟังความเห็นของผู้อื่นและร่วมมือซึ่งกันและกันเพื่อแก้ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่อย่างเหมาะสม
- การที่ปัจจุบันมีเว็บไซต์เชิงพาณิชย์จำนวนมากที่จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นหรือดำเนินการเลือกตั้งแบบจำลองขึ้่น เพื่อก่อให้เกิดการรวมตัวกันของผู้ที่มีความคิดเห็นร่วมกันไว้เป็นกลุ่ม แทนที่จะส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ที่มีความเห็นแตกต่างกัน เราควรหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มทางความคิดที่จะทำให้เกิดการต่อต้านฝ่ายตรงข้าม แต่ควรจุดประกายความคิดให้กับคนทุกฝ่ายเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างมีประสิทธิผล
- ในเว็บไซต์ประเภทชุมชนออนไลน์มักมีการจัดแบ่งกลุ่มสนทนาออกตามประเภทความสนใจ ทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักเข้าร่วมเฉพาะในกลุ่มสนทนาที่มีความคิดเห็นในทิศทางเดียวกับตนเท่านั้นซึ่งสิ่งนี้ทำให้ชุมชนออนไลน์ีลักษณะที่ไม่แตกต่างจากชุมชนที่เป็นอยู่จริงในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมเช่นนี้ย่อมบดบังศักยภาพของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตในการเปิดโอกาสให้คนจากทั่วทุกมุมโลกติดต่อสื่อสารกันอย่างอิสระ และสร้างความเป็นไปได้ในการปรับความเข้าใจระหว่างกลุ่มคนที่มีความเห็นแตกต่างกันให้หมดไป ผู้ดูแลเว็บไซต์ประเภทดังกล่าวนี้ ย่อมเป็นผู้มีส่วนประกอบสำคัญในการควบคุมบทสนทนาที่ดำเนินไปในระบบออนไลน์ให้เกิดขึ้นอย่างเหมาะสมและมีคุณภาพ ยิ่งไปกว่านี้ซอฟแวร์ใหม่ ๆ ที่กำลังถูกพัฒนาขึ้นสำหรับระบบลักษณะนี้ก็ควรได้รับการทบทวนและทดสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าบทสนทนาออนไลน์ที่จะเกิดขึ้นบนระบบดังกล่าวต้องเกิดขึ้นอย่างมีคุณภาพ
บทที่ 8 : บทสรุป
จอห์น สจวต มิลล์ "ความเสมอภาคจะเกิดในสังคมได้ก็ต่อเมื่อมีการนำเสนอความคิดหลากหลายในสังคมเท่านั้น"
สังคมดิจิตอล หมายถึง สังคมที่มีการนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาประยุกต์ใช้ภายใต้หลักการของประชาธิปไตย เพื่อจุดประสงค์ในการพัฒนาคุณภาพและการสร้างอิสรภาพในการดำรงชีวิตของคนในสังคม
ขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ ประชาชาติยุคดิจิตอล Digital Nation สั่งซื้อได้ที่ SE-ED
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น